ณ เวลานั้นก็มาถึงคราวของโมรียา
- oilhath
- Feb 15, 2019
- 1 min read

ในฉบับนี้ เผลอแป๊บเดียว ก็เกือบจะครึ่งปีแล้วนะคะ และวงการกอล์ฟเราก็คึกคักไม่แพ้กัน ที่ฝั่งทัวร์ผู้ชาย โปรอาร์มก็คว้ามาแล้วสองแชมป์ และได้เข้าไปเล่นในรายการเดอะมาสเตอร์มาแล้ว แถมยังให้โปรเม ไปเป็นแคดดี้ใน Par 3 Contest ที่มีเป็นประจำก่อนการแข่งขันจะเริ่ม ถือว่าเป็นไฮไลท์ที่สร้างความฮือฮาเป็นอย่างมาก แต่ใครจะรู้ว่าหลังจากนั้นไม่กี่สัปดาห์ ในที่สุด โมรียาก็ได้ปลดล็อกเป็นแชมป์ซักที เมื่อเฝ้าดูน้องสาวคว้าแชมป์มาได้หลายรายการ ต้องยอมรับว่าโมเป็นคนหนึ่งที่มีความมุ่งมั่นและ รับผิดชอบสูงมาก และอย่าลืมว่า น้องมีอายุเพียงแค่ 23 ปีเท่านั้น เทิร์นโปรตั้งแต่ปี 2012 แต่รักษาทัวการ์ดได้ไม่หลุดซักปี เป็นเวลากว่าหกปีแล้ว ซึ่งถือเป็นสิ่งที่ยากเหลือเกินที่เด็กคนหนึ่งจะสามารถทนต่อแรงเสียดทานระดับโลกได้ขนาดนี้ รวมทั้งอย่าลืมว่า แรงผลักดันที่สำคัญไม่แพ้กัน คือ เม น้องสาวที่มีพรสวรรค์ไม่แพ้เธอ เพียงแต่เมสามารถปลดล็อคได้ก่อน เท่านั้นเอง แน่นอนว่าสิ่งที่ทำให้น้องมาถึงจุดนี้ได้คือ พื้นฐานความมั่นคงของครอบครัว เมื่อครั้งที่ยังเป็นเยาวชนกันอยู่ ต้องยอมรับกันเลยว่า ทั้งโมและเมคว้าอันดับหนึ่งและสองอยู่ตลอดเวลาที่มีการแข่งขันในประเทศไทย ฉายแววมาตั้งแต่เด็กๆ และเป็นความโชคดีที่มีผู้ใหญ่เอ็นดูให้การสนับสนุนอยู่เรื่อยมา สิ่งที่สำคัญต่อมาคือ ผู้ปกครองที่ตัดสินใจไม่ปิดโอกาสให้เด็กทั้งสองพิสูจน์ตัวเอง กลับผลักดันและพัฒนาศักยภาพให้ได้มากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้ และไม่ได้รอให้โอกาสมาถึง แต่เป็นการวางแผนให้ลูกๆของตัวเองวิ่งเข้าหาโอกาส ไม่ต้องรอให้พร้อมเสียก่อน ทำให้เด็กทั้งสองคนสามารถทนต่อแรงเสียดทานที่เกิดขึ้นรอบตัว ถือเป็นการฝึกเด็กให้อดทนต่ออุปสรรคต่างๆ ถือเป็นการตัดสินใจที่ถูกต้อง เพราะไม่อย่างนั้น เราจะไม่เห็นน้องทั้งสองยืนอยู่บนเวทีระดับโลกอย่างแข็งแกร่งแบบนี้ได้ เพราะฉะนั้น การได้แชมป์ของทั้งโมแลเม ไม่มีคำว่าฟลุ๊คแน่นอน และแม้ว่าทั้งสองคนมีพรสวรรค์ แต่คำว่าพรแสวงมันมากกว่านั้นมากๆ ทั้งการหาผู้ฝึกสอนเพื่อปรับเทคนิควงสวิง พัฒนาความคิด และการพัฒนาร่างกาย ในระยะเวลากว่าสองปีที่ผ่านมา โมพัฒนาขึ้นมาทีละสเต็ป ซึ่งต่างจากเม ที่เมื่อมีการเปลี่ยนแปลง เมแค่สามารถปลดล็อกได้เร็วกว่า แต่ก็อาจจะเร็วไป ทำให้ยังปรับสภาพความคิดไม่ทันเลยทำให้ยังมีความไม่แน่นอนเกิดขึ้นบ้าง ลองมาดูกันว่า โมผ่านอะไรมาบ้างนะคะว่า โมพัฒนาตัวเองขึ้นมาเรื่อยๆอย่างแข็งแกร่ง อย่างไรบ้าง
เมื่อครั้งยังเป็นเยาวชน โมเคยเป็นตัวแทนประเทศไทยไปแข่ง 2008 British Junior Open และสามารถคว้าแชมป์มาได้ด้วย และคุณรู้หรือไม่ว่า อันดับสอง คือ Jordan Speith
โมถือเป็นนักกอล์ฟไทยคนที่สอง ที่สามารถคว้าแชมป์ในแอลพีจีเอได้
หลังจากลงแข่งมา 156 รายการในแอลพีจีเอ (อันนี้เฉพาะในแอลพีจีเอนะคะ ไม่นับรวมที่แข่งมาตั้งแต่เยาวชน ซึ่งน้องแข่งมาตั้งแต่ 7-8 ขวบ ลองนับดูคร่าวๆคือเล่นกอล์ฟมา 15 ปี นั่นหมายความว่า 1 ปี แข่งประมาณ 26 รายการ ซึ่งรายการเยาวชน เชื่อว่าปีหนึ่งๆ มากกว่านั้นอยู่แล้ว ก็คูณ 15 ไป นั่นหมายความว่า ทั้งชีวิต น้องทั้งสองคนน่าจะแข่งมาแล้วกว่า 390 รายการ
แน่นอนว่า คนที่ภูมิใจในตัวโมมากที่สุด นั่นก็คือ เม น้องสาวนั่นเอง
จากข้อมูลที่ได้มา โมรียาและเอรียา ถือเป็นสองพี่น้องคู่ที่สอง รองจากคู่พี่น้องของ Annika Sorenstam และ Charlotta Sorenstam ที่สามารถคว้าแชมป์แอลพีจีเอได้ (ตามที่ได้ผู้เขียนเคยร่วมแข่งขันในทัวร์ต่างๆ สามารถบอกได้เลยว่า น้องสาวของแอนนิก้า ไม่เคยคว้าแชมป์ในแอลพีจีเอ แต่เป็นยูโรเปี้ยนทัวร์ ส่วนตัวดิฉันจึงมั่นใจว่า เป็นคู่พี่น้องแรก ที่คว้าแชมป์ในแอลพีจีเอได้นั่นเอง)
เคยมีอดีตโปรไทยผู้ชื่อเสียงผู้ล่วงลับ ซึ่งเคยสอนทั้งโปรอาร์ม โปรพรหม และน้องๆทั้งสองคน ได้กล่าวว่า วันนึง โมจะเป็นคนที่ยิ่งใหญ่ที่สุดคนหนึ่งในวงการกอล์ฟหญิงระดับโลก โปรท่านนี้เชื่อว่า โมจะยิ่งใหญ่กว่าเม แต่ไม่ว่าจะอย่างไร คนทั้งโลกก็ได้เห็นศักยภาพของน้องๆทั้งสองคงอย่างไม่มีข้อสงสัย ว่าสิ่งที่เค้าเลือกเดิน นำพามาซึ่งเกียรติยศ ชื่อเสียง เงินทอง แต่นั่น ก็ไม่ได้มีความหมายอะไรเลย ถ้าหากครอบครัวไม่ได้อยู่ข้างๆพวกเค้า ในวันที่ท้อแท้ หรือมรสุมรุมเร้า และเมื่อผ่านมาได้ ที่เหลือ มันคือกำไรชีวิต ที่สร้างมาด้วยน้ำพักน้ำแรง ความเป็นนำ้หนึ่งใจเดียวของครอบครัว
Comentarios