The Return of Tiger Woods
- oilhath
- Feb 15, 2019
- 1 min read

สวัสดีค่ะท่านผู้อ่าน ก็จบลงไปอีกแล้วนะคะในรายการ Honda LPGA Thailand 2018 ซึ่งปีที่แล้ว ดิฉันก็ได้เล่าประวัติความเป็นมาของรายการนี้ ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันว่ามีอะไรเกิดขึ้นบ้าง สามารถเข้าไปอ่านอีกรอบได้ที่ blog ของดิฉันที่ https://oilhath.wixsite.com/oilhath จนมาถึงปีนี้ จะไม่ให้กล่าวถึง ก็ไม่ได้นะคะ ที่มีนักกอล์ฟสาวไทยทำงานผลงานดีมากๆ ติดหนึ่งในสิบถึงสามคนด้วยกัน จะเป็นใครไปไม่ได้ นั่นก็คือ โปรโมรียา ที่รั้งอันดับสองร่วม โปรเอรียา อันดับห้าร่วม และ โปรพรอนงค์ ที่อันดับเจ็ดร่วม แต่น่าเสียดายที่จังหวะของแชมป์ ตกเป็นของโปรสาวอเมริกัน เจสซิการ์ คอร์ดา หลังจากที่หยุดแข่งขันเพื่อไปผ่าตัดกรามที่ทำให้เธอเกิดอาการปวดหัวอยู่ตลอดเวลา แชมป์ล่าสุดที่เธอคว้าได้คือรายการ Sime Darby LPGA Malaysia 2015 แล้วเธอก็กลับมาคว้าแชมป์ได้อย่างสวยสดงดงามอีกครั้งในปีนี้ที่ประเทศไทย อะไรเป็นปัจจัยที่ทำให้เธอกลับมาคว้าแชมป์ได้ทั้งๆที่หยุดไปนาน ถ้าจะให้วิเคราะห์ นั่นก็คือ ความสดใหม่ ที่อยากจะลงสนามอีกครั้ง และทัศนคติที่เปลี่ยนไปต่อการเล่นในสนาม น่าจะเป็นสิ่งที่เธอได้เห็นมุมมองใหม่ๆ และอาการปวดหัวของเธอหายไป ทำให้ไม่เป็นอุปสรรคภายในมากวนใจต่อวิถีการเล่น เคยมีนักกอล์ฟมือดี โชคไม่ดีที่ต้องเข้าไปอยู่ในเรือนจำ ผ่านไปสองปีก็โดนปล่อยตัวแล้วกลับมาออกรอบกับเพื่อนๆ แต่เค้ากลับตีอันเดอร์ เอาชนะเพื่อนร่วมก๊วนที่ซ้อมอยู่ทุกวัน ทุกคนต่างตกใจว่า เค้าไม่สามารถซ้อมกอล์ฟได้แน่ ทำอย่างไรถึงตีดีอย่างนี้ เค้าบอกอย่างซื่อๆว่า เค้าฝันและจินตนาการว่าซ้อมอยู่ตลอดเวลาที่อยู่ในเรือนจำ นี่อาจจะเป็นข้อพิสูจน์ว่า สมองสามารถกำหนดความสามารถของคนเราได้ และอาจจะสำคัญยิ่งกว่าการพยายามซ้อมโดยไม่จินตนาการอะไรเลย ในเดือนนี้ จึงอยากจะมาพูดถึงการกลับมาของสุดยอดนักกอล์ฟที่แม้คนที่ไม่เคยตีกอล์ฟยังรู้จัก นั่นก็คือ พญาเสือ ไทเกอร์ วู้ดส์ วัย 42 ปี ที่ได้ตอบรับตารางทัวร์การแข่งขัน 2018 ที่แข่งไปแล้วสี่รายการ ผ่านการตัดตัวและทำผลงานได้น่าพอใจอีกสามรายการ ต้องยอมรับเลยว่า สื่อทุกที่ทั่วโลกยังคงยอมรับและให้ความสนใจถึงการกลับมาอย่างเต็มตัวของไทเกอร์มาก และตั้งแต่ที่ไทเกอร์พยายามกลับมาในปีก่อนๆ ก็ดูเหมือนว่าจะยังไม่พร้อมเท่าที่ควร ทั้งสภาพร่างกายและจิตใจ ในที่สุด เวลา ก็เป็นเครื่องเยียวยาได้ดีที่สุด เมื่อปัจจัยรอบด้านเริ่มลงตัว เห็นได้จากการวงสวิงของไทเกอร์ที่ดูนุ่มนวลแต่ดุดันขึ้น การเปลี่ยนแปลงสปอนเซอร์และอุปกรณ์ที่เหมาะสมกับสภาพร่างกายตัวเอง และยังเริ่มทำธุรกิจที่หลากหลายมากขึ้น เช่น ร้านอาหาร รวมทั้งยังได้ใช้เวลากับครอบครัวมากขึ้น และรู้จักที่จะเริ่มใช้สื่อโซเชียลเพื่อเป็นเครื่องมือสำคัญในการดึงแฟนๆให้ใกล้ชิดได้มากขึ้น ทำให้รู้สึกได้ถึงการเปิดรับ และสนุกไปกับสิ่งต่างๆรอบตัว มากกว่าการปิดกั้นเมื่อเทียบกับสมัยก่อนตอนที่กำลังรุ่ง สิ่งเหล่านี้เองทำให้ผู้เขียนเองที่เป็นเติบโตมาในยุคของไทเกอร์ ได้เรียนรู้และเข้าใจถึงการกลับมาและยั่งยืนอย่างแท้จริง ที่ต้องผ่านอุปสรรคต่างๆทั้งจิตใจภายใน และปัจจัยภายนอกที่ควบคุมได้ยาก และถึงจุดนี้แล้ว ผู้เขียนเชื่อว่า ปีนี้น่าจะเป็นปีที่สนุกมากแน่ๆสำหรับแฟนๆนักกอล์ฟที่คอยเชียร์ไทเกอร์ เพราะต้องขอบอกว่า หลายปีที่ผ่านมาเราได้เห็นสีสันของสื่อกอล์ฟในพีจีเอ ที่การดูกอล์ฟ ไม่น่าเบื่ออีกต่อไป มีนักกอล์ฟรุ่นใหม่ หน้าตาดี ตีไกล มาสร้างสีสันและเป็นไอดอลมากมาย ไม่ว่าจะเป็น ริกกี้ ฟาวเลอร์, จัสติน โทมัส, ดัสติน จอห์นสัน, จอร์แดน สปีธ และอื่นๆอีกมากมาย ทุกคนต่างเป็นนักกอล์ฟชั้นดีที่อยากจะปราบเซียนอย่างไทเกอร์ แต่ไทเกอร์ในปีก่อนๆก็ยังไม่พร้อมซักที อย่าลืมว่านักกอล์ฟเหล่านั้นก็โตมากับการเห็นไทเกอร์เป็นที่สุดของวงการกอล์ฟเหมือนกัน การกลับมาของไทเกอร์ครั้งนี้ เหมือนเป็นการเปิดโลกของกอล์ฟยุค 90 กับ กอล์ฟยุคทวิตเตอร์ มารวมกัน เราต้องมาคอยลุ้นกันนะคะว่า ยุคไหนจะแน่กว่ากัน แล้วติดตามกันให้ได้ในเดือนหน้านะคะ
Comentarios